(ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://sites.google.com/site/bixometrik/bi-xo-metrik)
ไบโอเมตริกซ์
Biometrics เป็นเทคโนโลยีชีวภาพ ที่ผสมผสานเทคโนโลยี ทางด้านชีวภาพ และทางการแพทย์ กับเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน โดยการตรวจวัดคุณลักษณะทางกายภาพ (Physical Characteristics) และ ลักษณะทางพฤติกรรม (Behaviors) ที่เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละคน มาใช้ในการระบุตัวบุคคลนั้น ๆ แล้วนำสิ่งเหล่านั้น มาเปรียบเทียบกับคุณลักษณะที่ได้มีการบันทึกไว้ในฐานข้อมูลก่อนหน้านี้ เพื่อใช้แยกแยะ บุคคลนั้นจากบุคคลอื่น ๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เป็นเทคโนโลยีที่สำหรับยืนยันตัวบุคคลด้วยการเปรียบเทียบ Pattern ของ Physical หรือพฤติกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ด้วยคอมพิวเตอร์
Biometrics สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่คือ
- การใช้ลักษณะทางกายภาพ (Physiological Biometrics)
- การใช้ลักษณะทางพฤติกรรม (Behavioural Biometrics) ในการระบุตัวบุคคล
ลักษณะทางกายภาพ (Physiological Biometrics) ได้แก่
- ลายนิ้วมือ Fingerprint
- ลักษณะใบหน้า Facial Recognition
- ลักษณะของมือ Hand Geometry
- ลักษณะของนิ้วมือ Finger Geometry
- ลักษณะใบหู Ear Shape
- Iris และ Retina ภายในดวงตา
- กลิ่น Human Scent
ลักษณะทางพฤติกรรม (Behavioural Biometrics)
- การพิมพ์ Keystroke Dynamics
- การเดิน Gait Recognition
- เสียง Voice Recognition
- การเซ็นชื่อ Signature
คุณลักษณะทางกายภาพของคนเรา ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ในขณะที่พฤติกรรมของมนุษย์อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าจะเป็น เสียงพูด การลงลายมือชื่อ การใช้แป้นพิมพ์ ซึ่งจัดเป็นคุณลักษณะทางพฤติกรรมของบุคคล ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา และการเรียนรู้ของบุคคลนั้น ๆ จึงทำให้การพิสูจน์บุคคลโดยการใช้ลักษณะทางกายภาพนั้น มีความน่าเชื่อถือมากกว่า
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการใช้ Biometric ประเภทนี้ก็คือ ใช้ง่าย เป็นที่ยอมรับของผู้ใช้ และมีอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่ำ เนื่องจากไม่ต้องนำอวัยวะที่ไวต่อการติดเชื้อ (เช่น ดวงตา) ไปสัมผัสกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการอ่านข้อมูล Biometrics
กระบวนการในการตรวจสอบ หรือระบุตัวบุคคลด้วยไบโอเมตริกซ์ไม่ว่าจะเป็น การใช้ลักษณะเฉพาะแบบใดก็ตาม จะมีขั้นตอนเหมือนกันดังต่อไปนี้
- ผู้ใช้ระบบต้องทำการให้ตัวอย่าง (Samples) ของลักษณะทางไบโอเมตริกซ์ ที่จะใช้ หรือเป็นการลงทะเบียนเริ่มต้นก่อนที่จะทำการใช้ระบบ
- ตัวอย่างทางไบโอเมตริกซ์ที่ถูกเก็บมาในขั้นตอนแรก จะถูกทำการแปลงและจัดเก็บ ให้เป็นแม่แบบ (Template) ที่จะใช้ในการเปรียบเทียบ
- เมื่อผู้ใช้ต้องการที่จะใช้ระบบ ก็จะถูกตรวจสอบ หรือระบุผู้ใช้ โดยทำการเก็บตัวอย่างทาง ไบโอเมตริกซ์ ของผู้ใช้และทำการเปรียบเทียบกับ แม่แบบ (Template) ที่เก็บไว้ แล้วทำการตรวจสอบความเหมือนของตัวอย่างกับแม่แบบ จากนั้นก็จะทำการอนุญาต หรือปฏิเสธ การเข้ามาใช้งานระบบของผู้ใช้
- Correct Accept : อนุญาตให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิใช้ระบบ เข้าใช้ระบบ
- Correct Reject : ปฏิเสธผู้ที่ไม่มีสิทธิใช้ระบบ
- False Accept : อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิ เข้าใช้ระบบ จำนวนของ False Accept ถ้าคำนวณออกมาเป็นเปอร์เซนต์ จะเรียกว่า อัตราการอนุญาตผิดพลาด (False Accept Rate หรือ FAR)
- False Reject : ปฏิเสธผู้ใช้ที่มีสิทธิใช้ระบบ ไม่ให้เข้าใช้ระบบ จำนวนของ False Reject ถ้าคำนวณออกมาเป็นเปอร์เซนต์ จะเรียกว่า อัตราการปฏิเสธผิดพลาด (False Reject Rate หรือ FRR)
ระบบสแกนลายนิ้วมือปัจจุบันมีการใช้เช่นกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ Tablet ส่วนระบบสแกนฝ่ามือจะปลอมได้ยากกว่าการสแกนลายนิ้วมือ และระบบสแกนฝ่ามือจะมีการตรวจอุณหภูมิ ตรวจระยะความยาวของนิ้วเป็นการเช็คข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น ส่วนระบบสแกนรูม่านตานั้น ปัจจุบันยังไม่ได้รับความนิยมเท่าไรนัก แต่ระบบที่ได้รับความนิยมมากขึ้นคือระบบสแกนหน้า โดยใช้กล้องวีดีโอถ่ายภาพหน้าคน(Face Recognition) ที่จะเดินผ่านประตูแล้วบันทึกรูปหน้าลงฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้แก่ข้อมูลระยะห่างระหว่างดวงตา ความลึกของเบ้าตา ความกว้าง ความยาว ของจมูก ลักษณะของโหนกแก้ม และ โครงหน้า รูปร่างของปาก กราม และ คาง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น