ไปดูมาแล้ว คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์


วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ลูกสาวให้พาไปชมภาพยนต์เทอดพระเกียรติในหลวงครับ 
ก็เลยไปชมกันทั้ง 3 คน พ่อ แม่ ลูก ที่ Major Cineplex สาขาปิ่นเกล้า

ขอตั๋วฟรีได้ โดยหน้าตั๋วหนังระบุรอบ 11.00 น.ครับ แต่ก็ฉายช้าไปพอสมควร เพราะคงรอให้มีผู้ชมเข้ามาเพิ่ม 
และนับเป็นบุญหรือเปล่าไม่ทราบ คราวนี้หนังฟรี โรงหนังเมเจอร์ไม่มีโฆษณามาฉายนำร่วมครึ่งชั่วโมงเหมือนทุกครั้งแฮะ
ปีนี้มีหนังสั้นที่สร้างจากแรงบันดาลใจในบทเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวง ให้ชม 4 เรื่อง 

ลองดูตัวหนัง Teaser ของหนังกันครับ
Teaser ภาพยนต์ คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์ พ.ศ. 2558





****************************************************

เรื่องแรก The Singer กำกับโดย นนทรีย์ นิมิตบุตร

ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง ชะตาชีวิต
เป็นเรื่องราวของอดีตนักร้องเสียงดี แต่เป็นโรคแพ้เวที ที่ในยามสูงวัยต้องใช้เสียงร้องเพลงประกวดชิงเงินรางวัล เพื่อช่วยต่อชีวิตหลานสาว แต่โชคชะตาไม่เป็นใจ ทำให้ไม่สามารถเข้าประกวดนำเงินมาช่วยผ่าตัดหลานสาวได้ทัน แต่ยังโชคดีที่ในโลกปัจจุบันดันเป็นโลกยุค Social Network เรื่องราวเป็นอย่างไร.. ไปดูกันเองครับ


     ผมต้องขออภัยด้วยครับ ที่จำไม่ได้จริง ๆ ว่าก่อนเข้าหนังแต่ละเรื่องผู้กำกับมาบอกอะไรบ้าง อย่างเช่นเรื่องนี้  คุณนนทรีย์มาบอกอะไรบ้างก็จำไม่ได้หรอกครับ แต่จากที่ดู คล้ายกับตัวหนังจะบอกว่า ชะตาชีวิตคนไม่แน่นอน ต่อให้เจอโชคร้าย ก็จะมีโอกาสที่จะได้เจอโชคดี ซึ่งหากคนดูจับประเด็นนี้ได้ น่าจะเป็นกำลังใจให้ใครได้หลาย ๆ คนครับ
     หนังได้นักแสดงเสียงดีคือ คุณนีรนุช ปัทมสูตร ภรรยาคุณสุประวัติ ซึ่งแสดงให้เห็นเลยว่า นักแสดงรุ่นเก่า ๆ หลายท่านสามารถแสดงหนังที่ต้องใช้ฉากร้องเพลงได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาลิปซิงค์
.... Mongameson

****************************************************

เรื่องที่สองครับ...
เรื่อง อมยิ้ม กำกับโดย วัลลภ ประสพผล

ดัดแปลงจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ "ยิ้มสู้"

เป็นเรื่องของเด็กผู้ชายที่ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะ ไม่เคยเสียใจ หรือความรู้สึกใด ๆ ให้ใคร ๆ เห็น ไม่ว่าจะในยามสูญเสียบุพการี ยามโดนเพื่อนแกล้ง โดนหัวเราะเยาะ หรือแม้แต่ยามมีความรัก เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปดูกันเองครับ


สำหรับหนังเรื่องนี้.. ผมว่าจะออกแนวลึกซึ้ง..
ลึกซึ้งอย่างไร.. ลึกซึ้งในการมองไงครับ 
เพราะหนังเรื่องนี้อยากบอกให้รู้ว่า อย่ามองอะไรเพียงภายนอก อย่าตัดสินอะไรจากการได้ยินต่อ ๆ กันมา ประมาณว่า..

                คุณยังจะนึกรำคาญคนที่ยึกยักข้ามถนนอยู่หรือเปล่า ถ้าทราบว่าเขาคนนั้นใช้ขาเทียม
                หรือคุณยังจะนึกรำคาญคนที่เดินช้า ๆ ข้างหน้าคุณหรือไม่ ถ้าคุณรู้ว่า เขาเพิ่งตกงาน เป็นต้น

คือ.. กรุณาอย่าเพิ่งตีความจากสิ่งที่คุณเห็น หรือได้ยิน จนกว่าจะได้รู้จัก หรือเข้าใจอะไรจริง ๆ เสียก่อน (ย้ำอีกที..)
.....Mongameson


“ ส่วนเรื่อง อมยิ้ม ก็น่ารักดี ที่มีวัยรุ่น...”
.....Tua.Realsteel 

**************************************************** 



เรื่องที่สาม...
เรื่อง ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง  กำกับโดย ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
ดัดแปลงจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ "สายฝน"
เป็นเรื่องของคุณสืบ นาคะเสถียร กับการต่อสู้เพื่อผืนป่า และสัตว์ป่าของไทย กับความอุบาทว์ของข้าราชการ ระบบราชการ และการคอรัปชั่นในเมืองไทย ที่สุดท้ายตัวหนังปิดฉากที่ความอ่อนล้าจากการต่อสู้ ที่ต้องสูญเสียทั้งกำลังใจ และเพื่อนร่วมงาน ในขณะที่ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความตั้งใจที่จะอยากเห็นธรรมชาติของไทยได้รับการรักษาไว้นานเท่านาน เรื่องเป็นอย่างไรไปดูกันเอง (เหมือนเคย) ครับ..




หนังสั้นเรื่องนี้.. ผมดูแล้วได้อะไร..
                อันแรกเลย ผมดูแล้วรันทดใจครับ  รันทดใจชีวิตของคน ๆ หนึ่งที่มีความตั้งใจจริงที่อยากอนุรักษ์ผืนป่า ธรรมชาติ และสัตว์ป่าของเมืองไทย แม้จะไม่ได้กลับไปหาลูกสาวอันเป็นที่รักยิ่งก็ตาม แต่กำลังใจกลับถูกทำลายสิ้นด้วยระบบราชการห่วย ๆ ข้าราชการเลว ๆ การคอรัปชั่นที่เป็นมะเร็งชิ้นที่ร้ายแรงที่สุดของภาครัฐ
                อันที่สอง ผมเห็นความกล้าของผู้กำกับครับ .. เพราะเนื้อหาเรื่องนี้ ตบหน้าระบบราชการไทยอยู่พอสมควร แต่กลับกล้าสร้างออกมา และได้รับการอนุมัติให้ออกฉายนี่ ผมว่าคนพิจารณาอนุมัติคงยังมีความคิด และกล้าอยู่เหมือนกัน เพราะเมื่อผู้มีอำนาจรัฐที่เกี่ยวข้องได้ดู คงเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ทีเดียว
                อันต่อมา ผมได้เห็นอีกครั้งว่าคุณนพชัย ชัยนาม มีความสามารถเล่นหนังได้หลากหลายมากนะครับ อยากให้มีผู้สร้างหนัง มอบโอกาสในบทที่หลากหลายให้นักแสดงผู้นี้จัง
                ... ว่ากันว่า เมืองไทย เป็นสุดยอดในจำนวนไม่กี่ประเทศในโลก ที่มีพร้อมซึ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น อาหารที่อุดมสมบูรณ์ หลากหลายและแสนอร่อย ทรัพย์ในดินที่อุดมไม่แพ้ชาติอื่น ไม่ว่าจะเป็นแร่ น้ำมัน ก๊าซ โลหะ ทองคำ และอื่น ๆ ธรรมชาติที่มีหลากฤดู ภัยพิบัติที่พบประสพน้อยมาก ๆ หรือแทบจะไม่เจออะไรที่ร้ายแรงเลยถ้าเทียบความถี่กับประเทศต่าง ๆ ในโลก แต่ประเทศไทยจะมีความสุขแต่ด้านเดียวได้อย่างไร ธรรมชาติหรือเทวดาฟ้าดิน จึงดลบันดาลให้ประเทศไทยต้องมีเคราะห์กรรมที่ต้องเผชิญกับข้าราชการชั่ว ๆ นักการเมืองเลว ๆ การคอรัปชั่นที่แสนอัปรีย์ ความเห็นแก่ตัวของนักธุรกิจรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการยอมให้ผืนป่าหมดประเทศ ยอมให้สัตว์ป่าสูญพันธุ์ ยอมให้ประชาชนบางกลุ่มต้องตาย เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน และผลกำไร
…..Mongameson

**************************************************** 
 



เรื่องสุดท้าย...
เรื่อง ดาว  ดัดแปลงจากบทพระราชนิพนธ์ "ความฝันอันสูงสุด"
กำกับโดย ยงยุทธ ทองกองทุน
เป็นเรื่องของเด็กนักเรียนที่อยากทำบางสิ่งให้พ่อภูมิใจในวันพ่อที่โรงเรียนจัดขึ้น สำหรับเรื่องราวโดยละเอียด ไปดูกันเองครับ..

" ชอบเรื่อง ดาว ที่สุด เพราะแสดงให้เห็นถึงเด็กที่มุ่งมั่นที่จะทำความดี เพื่อให้ได้เชิญธงชาติ และอยากทำให้พ่อของเขาเห็นความสำเร็จ "


…..Tua.Realsteel


                หนังเรื่องนี้ ตลก และน่ารักที่สุดในบรรดาหนังสั้นทั้งหมดในชุดนี้ครับ ก็แหง๋ล่ะครับ เป็นความน่ารัก แข่งขันกัน ก็แข่งกันแบบน่ารักไม่เกินเลยจนน่ารังเกียจ เหมือนผู้ใหญ่
                แต่ว่าไป.. ดูมาทั้งเรื่อง นอกจากตอนที่เด็กน้อยตัวเอกในเรื่องรู้สึกแย่สำหรับผลการเรียนของตัวเอง ตอนที่คุยโทรศัพท์กับพ่อ แล้วน้องชายแย่งบอกผลการเรียนให้พ่อทราบทางโทรศัพท์แล้ว มาท้ายเรื่องนี่แหละครับ จึงได้รู้ว่า ที่หนูน้อย แย่งกับเพื่อนเพื่อให้ได้เป็นผู้เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาในทุกเช้าของการเรียนนั้น ทำไปทั้งหมด ก็เพื่อให้พ่อได้ภูมิใจ..
                ดูไป ก็อดสงสัยไม่ได้ครับว่า โรงเรียนนี้มีเด็ก ป.5 อยู่ห้องเดียวหรือไง ครูประจำชั้นจึงได้ถามเฉพาะห้องนี้ และทั้งโรงเรียนก็มีนักเรียนชาย แข่งกันอยู่สองคนเท่านั้น คือ เด็ก ป.5 ห้องเดียวกันนี่แหละ..
                เริ่มเรื่องมา ผมผิดคาดอยู่นิดที่นึกว่า หนังจะออกมาในแนว Bugsy Malone ที่มีแต่เด็ก ๆ เล่นกันตลอดเรื่อง ที่ไหนได้ ประมาณ 5 นาทีผ่านไป กลายเป็นเรื่องที่ผมดูต้นเรื่อง เป็นเพียงจินตนาการของเด็กไปซะ.. ผมว่า หากเรื่องนี้ ฉีกแนวมาในทางหนังที่บอก จะน่ารักขึ้นมากเลยครับ
…..Mongameson

 
****************************************************  


ผมว่า โดยส่วนตัวแล้ว เป็นหนังที่ดีทั้ง 4 เรื่องเลยครับ แต่ถ้าให้จัดลำดับหนังโดนใจในจำนวน 4 เรื่องนี้ ผมว่า ที่โดนใจที่สุดจะเป็นหนังสั้น "ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง" ที่สุดครับ ที่มีเนื้อหาหนักหน่วง และโดนใจที่สุด รองลงมาจะเป็นเรื่อง “อมยิ้ม” ครับ เพราะประเด็นที่ตัวหนังอยากให้ตีความสิ่งที่เห็นเสียใหม่ ที่ถี่ถ้วน ไตร่ตรองกว่าที่เป็นอยู่ และสำหรับเรื่อง “The Singer” และเรื่อง “ดาว” ผมให้อยู่ในลำดับเดียวกันครับ

…..Mongameson 
 
...................

ขออนุญาต ตบท้ายด้วย MV ของหนังสั้นในชุดนี้ จำนวน 3 เพลงครับ

เพลง.. ยิ้มสู้ จากหนังสั้น "อมยิ้ม"

เพลง ...สายฝน จากหนังสั้น "ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง"
 เพลง ...ความฝันอันสูงสุด  จากหนังสั้น "ดาว"


 ..............................







ความคิดเห็น